คงจะทราบกันเป็นอย่างดีว่า กรมที่ดินมีโครงการหลาย ๆโครงการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันซึ่งทำให้กรมที่ดินมีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับจากองค์กรภายนอก โดยเฉพาะโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดินทั้งตำบลตามโครงการพัฒนากรมที่ดินและเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 20 ปี ซึ่งเริ่มโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 และจะสิ้นสุดโครงการในปี พ.ศ. 2547 โครงการนี้ เป็นที่ยอมรับของธนาคารโลกและหลายประเทศ เป็นโครงการฯ หนึ่งในหลายโครงการฯ ที่สามารถทำให้กรมที่ดินขยายอัตรากำลังและจัดตั้งสำนักงานที่ดินสาขาออกไปเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้เป็นอย่างมาก
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เป็นต้นมา กรมที่ดินได้จัดส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางออกปฏิบัติงานตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดิน ในพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ทั่วประเทศ ยกเว้น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร โดยในระยะแรกจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติงานในนาม "กองกำกับการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน" โดยจัดแผนการปฏิบัติงานให้ 1 จังหวัด มี 1 กองกำกับฯ หรือ 1 จังหวัดมีหลายกองกำกับฯ และใช้ข้าราชการระดับ 6 เป็นผู้กำกับการเดินสำรวจฯ ดำเนินการเดินสำรวจฯ และจัดส่งโฉนดที่ดินและเอกสารเรื่องราวการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเป็นผู้ลงนามในโฉนดที่ดินและแจกโฉนดที่ดิน ต่อมา ปรากฏว่าโฉนดที่ดินค้างแจกเป็นจำนวนมาก จึงได้ปรับเปลี่ยนให้ข้าราชการระดับ 7 เป็นผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน เพื่อให้สามารถลงนามในโฉนดที่ดินและแจกโฉนดที่ดินได้ อันเป็นการลดภาระของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนจาก "กองกำกับฯ เป็นศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน" จนถึงปัจจุบัน ทำให้สามารถออกโฉนดที่ดินได้ถึง 9,252,018 แปลง เนื้อที่ 50,894,305 ไร่ ในระยะเวลา 17 ปี แม้ในบางช่วง บางตอน จะมีการแต่งตั้งให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเป็นผู้กำกับการเดินสำรวจฯ (โครงการเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี พ.ศ. 2537 - 2540) หรือได้จัดให้มีโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน (โครงการเสริม) โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ก็ตามก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนที่ต้องการมีโฉนดที่ดินได้
ปัจจุบัน ทั่วประเทศมีที่ดินที่ยังไม่มีหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินเหลืออีกประมาณ 950,000 แปลง มีอยู่กระจัดกระจาย ไม่เป็นกลุ่มและมีจำนวนไม่มากเพียงพอเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ที่จะจัดให้ 1 ศูนย์อำนวยการฯ รับผิดชอบเพียง 1 จังหวัดได้ จึงต้องจัดแผนการปฏิบัติงานให้ 1 ศูนย์อำนวยการฯ รับผิดชอบพื้นที่ในหลายจังหวัด ทำให้การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูง ยากแก่การควบคุมและติดตามให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
อธิบดีกรมที่ดิน ได้เล็งเห็นถึงความต้องการของประชาชนที่มีความต้องการมีโฉนดที่ดินจึงได้หาแนวทางที่จะทำให้การดำเนินงานตามโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดินทั้งตำบล สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว และสามารถออกโฉนดที่ดินได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ในเวลาเดียวกันได้ นั่นคือ ให้สำนักงานที่ดินจังหวัด หรือสาขาเป็นผู้ดำเนินการ แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย กล่าวคือ แม้เจ้าของที่ดินมีความประสงค์จะเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการออกโฉนดที่ดินก็ตาม สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสาขาก็ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากเป็นที่ดินไม่มี หลักฐานที่ดิน หรือเป็นที่ดินที่ได้มาภายหลังประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะขอออกโฉนดที่ดินเป็นการเฉพาะรายได้ ทั้งนี้ จะต้องใช้วิธีการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินตามมาตรา 58, 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเท่านั้น อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาในแง่กฎหมายแล้ว จะเห็นว่ากฎหมายกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ดินหรือตัวแทนมานำหรือรอนำทำการเดินสำรวจฯ ได้ โดยไม่ต้องยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และมีบทกำหนดโทษสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินไว้อย่างชัดเจนตามมาตรา 107 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน นอกจากนี้ มาตรา 103 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ยังได้กำหนดให้เรียกเก็บได้เฉพาะค่าธรรมเนียมเป็นค่าออกโฉนดที่ดิน ค่าหลักเขตที่ดิน และค่ามอบอำนาจในกรณีที่มีการมอบอำนาจไว้เท่านั้น โดยไม่ได้กำหนดให้เรียกค่าใช้จ่ายอย่างอื่นได้ ดังนั้น ถ้าหากประสงค์จะให้เจ้าของที่ดินเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการออกโฉนดที่ดินตามมาตรา 58, 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว จะต้องดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานาน และไม่ทันต่อความต้องการของประชาชนอย่างแน่นอน
ดังนั้น กรมที่ดิน จึงได้จัดทำโครงการออกโฉนดที่ดินในลักษณะดังกล่าวขึ้น โดยใช้ชื่อว่า "โครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินและสอบเขตที่ดินทั้งตำบลโดยสำนักงานที่ดินจังหวัดและสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา" มีลักษณะและวิธีการดำเนินการดังนี้
1. ในพื้นที่จังหวัดใดที่ไม่มีศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินตามแผนงานโครงการปกติแล้ว ให้สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา เป็นศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือสาขา หัวหน้าฝ่ายทะเบียน หัวหน้าฝ่ายรังวัด และช่างรังวัดจากสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสาขานั้น ๆ เป็นเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 58, 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
2. ให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดและ/หรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน รับผิดชอบในพื้นที่ที่อยู่ในอำนาจของสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสาขานั้น
3. ให้หัวหน้าฝ่ายทะเบียน ปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจฯ หัวหน้าฝ่ายรังวัด ปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการรังวัด
4. ให้สำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขาที่กรมที่ดินคัดเลือกให้เป็นศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน พิจารณาคัดเลือกช่างรังวัด (ระดับ 3-5) ในสำนักงานที่ดินจังหวัดหรือสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขานั้น เป็นเจ้าหน้าที่สายสำรวจ โดยปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่เดินสำรวจรังวัดทำแผนที่ เจ้าหน้าที่โยงยึดหลักเขต (กรณีเดินสำรวจภาคพื้นดิน) เจ้าหน้าที่กองกลางฝ่ายรังวัด เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิและเจ้าหน้าที่กองกลางฝ่ายทะเบียน ทั้งนี้ให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา เกลี่ยงานรังวัดให้ช่างรังวัดมีปริมาณงานรังวัดอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย/เดือน/ราย ตามที่กรมที่ดินกำหนด และให้ช่างรังวัดที่ไม่มีงานรังวัดเป็นเจ้าหน้าที่สายสำรวจ พร้อมทั้งแจ้งพื้นที่ที่จะปฏิบัติงานและรายชื่อช่างรังวัดให้กรมที่ดินทราบ
5. กำหนดเป้าหมายในการดำเนินการไว้ 40 แปลง/สาย/เดือน
6. ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าจ้างคนงานรังวัด ค่าพาหนะเดินทางสำหรับสายสำรวจและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ (ถ้ามี) ให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กรมที่ดินกำหนด
กรมที่ดิน เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ ดังนี้
1. กรมที่ดินสามารถเพิ่มปริมาณการออกโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนได้อีกส่วนหนึ่งนอกเหนือจากการดำเนินงานตามแผนงานโครงการเดิม ซึ่งใช้เฉพาะเจ้าหน้าที่ของสำนักงานมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ โดยลดค่าใช้จ่ายบางส่วนลง
2. กรมที่ดินสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้โดยรวดเร็ว ทั่วถึง ได้พื้นที่มากพร้อมกันทั่วประเทศ
3. กรมที่ดินสามารถตอบสนองนโยบายของรัฐ และสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างเต็มที่
4. กรมที่ดินได้นำทรัพยากรบุคคลในสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขามาใช้ก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
5. กรมที่ดินได้มีการกระจายอำนาจหน้าที่การเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินตามมาตรา 58 และมาตรา 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินให้แก่สำนักงานที่ดินจังหวัดและสำนักงานที่ดินจังหวัดสาขา สอดคล้องตามนโยบายการกระจายอำนาจจากส่วนกลางไปสู่ส่วนภูมิภาค
6. กรมที่ดินสามารถเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ได้เสร็จทั่วประเทศภายในเวลา 20 ปี ตามเป้าหมายโครงการพัฒนากรมที่ดิน และเร่งรัดการออกโฉนดที่ดินทั่วประเทศ (พ.ศ. 2528-2547)
จึงแจ้งให้พวกเราชาวดินทราบทั่วกัน และเตรียมตัวไว้ให้พร้อมสำหรับการดำเนินการเพื่อโครงการฯ นี้จะได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กรมที่ดินตั้งเป้าไว้
ที่มา : กรมที่ดิน